วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มุนสบาย แถมได้ความรู้ในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม

    ยังมีสถานที่ สบายๆ สามารถคลายความเครียดจากการเรียน การทำงาน ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และสถานที่นั้นก็คือ พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคามนั่นเอง

                   โครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2542 โดยมีความมุ่งหมายเพื่อสื่อสารถึงอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม  ที่มีจุดเริ่มต้นและพัฒนาการอย่างมีความหมายและความสำคัญควบคู่มากับพัฒนาการของสังคม  ตั้งแต่ยุคที่เป็นวิทยาลัยวิชาการศึกษามหาสารคาม (พ.ศ.2511) จนถึงมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒมหาสารคาม (พ.ศ.2517) และเป็นมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (พ.ศ.2537) รวมทั้งเป็นศูนย์กลางแห่งการพัฒนาองค์ความรู้ด้านพิพิธภัณฑ์  เพื่อส่งเสริมให้สังคมได้รับผลประโยชน์จากกิจการพิพิธภัณฑ์ ทั้งในด้านการปลูกจิตสำนึกแห่งคุณค่าและความสำคัญของท้องถิ่น การจัดการพิพิธภัณฑ์ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อความต้องการของสังคม


                                  บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม



    

 ภายในพิพิธภัณฑ์ก็จะมีเรือนอีสานของสมัยก่อนในแบบต่าง ๆ และสถานีสัตว์ตามแผนที่ค่ะ

แผนที่พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
 

 หมายเลย 1 เรือนประยุกต์หลังใหญ่


      เป็นรูปแบบเรือนที่มีการประยุกต์ทั้งด้านโครงสร้างและวัสดุแต่ยังคงรักษารูปแบบและภาพลักษณ์ของเรือนอีสานแบบดั้งเดิม  การใช้พื้นที่ภายในประกอบด้วย ห้องประชุม (45ที่) คลังและห้องปฏิบัติการคลินิกพิพิธภัณฑ์  คลังเอกสารจดหมายเหตุมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และสำนักงานโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม



หมายเลข 2 เรือนประยุกต์หลังเล็ก




        เป็นเรือนประยุกต์ขนาดเล็ก ชั้นบนเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการพัฒนาการมหาวิทยาลัยมหาสารคาม “The University  Story”  ชั้นล่างเป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน

หมายเลข 3 เรือนโข่ง


          “เรือนโข่งเป็นเรือนหลังเล็กที่มีโครงสร้างเฉพาะของตนแต่สร้างติดกับชานของเรือนใหญ่ (เรือนนอน) ไว้  เมื่อต้องการแยกเรือนก็สามารถรื้อถอนไปสร้างเป็นเรือนหลังใหม่ได้โดยไม่กระทบต่อโครงสร้างของเรือนใหญ่
     เรือนโข่งเป็นที่จัดแสดงนิทรรศการ ดนตรีอีสานและเป็นที่ตั้งของชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมือง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม


หมายเลข 4  เรือนเกย


          เป็นรูปแบบเรือนในวิถีชีวิตของชาวอีสานที่มีการต่อเกย (ชาน) ออกมาจากเรือนใหญ่ (เรือนนอน) เพื่อใช้ประโยชน์ทั้งเป็นเรือนไฟ (ครัว) สถานที่พักผ่อน รับประทานอาหาร ต้อนรับแขก และประกอบพิธีหรือกิจกรรมในวิถีชีวิตของชาวอีสาน  ด้านล่างของเรือนใช้เป็นสถานที่เก็บวัสดุหรือเครื่องมือ เครื่องใช้ในการดำเนินชีวิต บางครั้งอาจใช้เป็นคอกสัตว์เลี้ยง เช่น ไก่ วัว ควาย
      เรือนเกยเป็นที่จัดแสดงนิทรรสการ เอกสารใบลานของโครงการอนุรักษ์ใบลานใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



หมายเลข  5  เรือนตูบต่อเล้า (ยุ้งข้าว)


             เล้าข้าว (ยุ้งข้าว) เป็นสถานที่เก็บข้างเปลือกและผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งเป็นที่เก็บเครื่องมือเครื่องใช้ในวิถีชีวิตและคอกสัตว์เลี้ยง
      ตูบต่อเล้า เป็นเรือนชั่วคราวที่ต่อยื่นออกมาจากตูบต่อเล้า เป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวใหม่ที่แยกเรือนออกจากเรือนของพ่อแม่แต่ยังไม่มีกำลังที่จะสร้างเรือนใหม่
หรือถ้าไม่มีผู้อยู่อาศัยก็ใช้เป็นสถานที่เก็บวัสดุหรือเครื่องมือเครื่องใช้ในวิถีชีวิต



หมายเลข  6  เรือนผู้ไท



        เป็นรูปแบบเรือนของ ชาวผู้ไทซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ  มีลักษณะคล้ายคลึงกับเรือนโข่ง ต่างกันที่
ขื่อและคานของเรือนหลังเล็กจะฝากยึดติดกับโครงสร้างของเรือนใหญ่
     เรือนผู้ไท เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการ ภูมิปัญญาชาวลุ่มน้ำชี



หมายเลข 7  ลานกิจกรรม:  เป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมกลางแจ้ง

หมายเลข  8  สถานีสัตว์ 
ภายในสถานีสัตว์ ซึ่งเราสามารถให้อาหารสัตว์ได้ด้วยตัวเอง ก็จะมี สัตว์หลายชนิด เช่น
1. กระต่าย

2. ไก่ป่า


3. กวางดาว

4. เนื้อทราย

5. ละมั่ง




            ภายในมหาวิทยาลัยใช่ว่าจะเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดในการศึกษาหาความรู้
แต่ยังมีบริเวณที่ช่วยให้เราได้ผ่อนคลายอารมณ์ ให้บรรยากาศที่สบาย ๆ ใครที่มีเวลาว่าง ก็ขอแนะนำให้มาชมสถานที่แห่งนี้ ทั้งสบาย ทั้งได้ความรู้แบบนี้ เป็นสถานที่ที่ดีมาก ๆ เลยนะคะ


วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

การทำบล็อกบนมือถือ


วิธีการใช้โปรแกรมสร้างบล็อกบนมือถือ

  1. download  Share Online   มาติดตั้ง โดยสามารถทำได้ 2 วิธี ดังนี้
    • โดยดาวน์โหลดมาลงที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อน แล้ว ติดตั้งบริการ Share Online ลงในโทรศัพท์มือถือของคุณด้วย Nokia PC Suite
    • ใช้โทรศัพท์มือถือโนเกีย เปิดเว็บไซต์โนเกีย เข้าไป download โปรแกรมและ install ลงเครื่องได้ทันที
  2. เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว จะมี Icon Share online ปรากฎที่หมวด Application ในมือถือของคุณ เลือก Icon Share Online จะเข้าสู่บริการ Share online ซึ่งมีพันธมิตรที่ร่วมให้บริการ 4 ราย ได้แก่ Flickr, Vox, Ovi และ Oknation (บล็อกจากประเทศไทยบล็อกเดียวที่ร่วมกับโนเกีย เปิดบริการ Share online สำหรับสมาชิกโอเคเนชั่นทุกท่าน)
  3. เลือก OKnation จะมีข้อความถามว่าต้องการ Activate บริการนี้หรือไม่ ให้เลือก "Yes"
  4. ให้ใส่ username และ password ของคุณโดยใช้ ชุดเดียวกับที่ login เข้าระบบ OKnation
  5. เลือกการเชื่อมต่อ GPRS เมื่อระบบเชื่อมต่อ GPRS สำเร็จแล้ว จะมีข้อความแจ้งการเข้าสู่ระบบ ให้เลือก "Yes"
  6. บริการ Share online สามารถกำหนดการ update รูปได้ ในกรณีที่ไม่มีการอัพเดท รูปตลอดเวลา ให้เลือก "Manual"
  7. เมื่อทำการ set up เรียบร้อยแล้ว จะมี ชื่อ account ของบล็อกเกอร์ปรากฎที่หน้าจอเครื่องโทรศัพท์มือถือ
  8. เลือกที่ Option จะมีตัวเลือก ในกรณีที่ต้องการดูว่ามีรูปที่เรานำขึ้นสู่ระบบไปทั้งหมดกี่รูปให้เลือก "open"
  9. เมื่อต้องการ Upload ภาพไปที่ บล็อก ให้ เลือก > option > new postระบบจะให้ใส่รายละเอียดของภาพที่ต้องการโพสต์
  10. จากนั้นเลือก Option อีกครั้ง เลือก Select > insert > image แล้วเลือกรูปที่ต้องการนำขึ้นบล็อก
  11. ใส่ชื่อภาพ แล้วเลือก Option > Select > Post to web เพื่อ upload ภาพขึ้นบล็อก
  12. เลือก Option > Update Now เพื่อ update รูปใน account share online คลิกที่รูป เพื่อดูรูปขนาดใหญ่ขึ้น
  13. หลังจากเสร็จขั้นตอนแล้ว ที่หน้าจอโทรศัพท์ จะขึ้นบริการ share onlineถ้ามีคนแสดงความคิดเห็นเข้ามา จะ update ที่หน้าจอ คุณสามารถเข้าไปอ่านข้อความได้ผ่านหน้า WAP site ได้ทันที

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดูนลำพัน

                
                  ป่าดูนลำพันตั้งอยู่ที่ตำบลนาเชือก  อำเภอนาเชือก  จังหวัดมหาสารคาม  เดิมเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ต่อมาปี  พ.ศ.  2536  ได้มีการค้นพบปูน้ำจืด(ปูป่า)ซึ่งมีสีสันสวยงามชนิดใหม่ของโลกในบริเวณพื้นที่ป่าดูนลำพันภายหลังได้ขอพระราชทานชื่อว่า "ปูทูลกระหม่อม" และเนื่องจากป่าดูนลำพันมีลักษณะเด่นทางระบบนิเวศน์ จึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยเพียงแห่งเดียวในโลกของ ปูทูลกระหม่อม  ดังนั้นกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีแลสิ่งแวดล้อม ร่วมกันจังหวัดมหาสารคาม จึงพิจารณาประกาศให้พื้นที่ ป่าดูนลำพันเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นการป้องกันภัยคุกคามและปัญหาการบุกรุกพื้นที่ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อจำนวน ประชากรและระบบนิเวศน์ของปูทูลกระหม่อม จึงได้ออกเป็นประกาศกระทรวงฉบับที่ 
 7 ปี พ.ศ. 2539 ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ 2535


                ต่อมาปี พ.ศ. 2539 กรมป่าไม้โดยส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ  ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจพบว่านอกจากปูทูลกระหม่อมแล้วยังมีความหลากหลายทางธรรมชาติทั้งพืชพรรณและสัตว์ป่า จึงได้ดำเนินการเสนอต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และได้มีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2541  โดยนายปองพล  อดิเรกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กำหนดให้พื้นที่สาธารณประโยชน์ป่าดูนลำพันเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ดูนลำพัน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่  116 ตอน พิเศษ 40 ง  ลง วันที่ 14 มิถุนายน 2542


สถานที่ตั้งและอาณาเขต
            ตั้งอยู่ที่ ถนนอำเภอนาเชือก - พยัคฆภูมิพิสัย ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 219 ตำบลนาเชือก อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม ระหว่างเส้นละติจูดที่ 103 ํ  01'  30"  เส้นลองติจูดที่ 15 ํ 45' 57" ระวางแผนที่  5640 IV  พิกัด 48QUC 891442  พิกัด  889445 อยู่ห่างจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอนาเชือกประมาณ 3 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมด  343 ไร่

ปูทูลกระหม่อม

            
               ปูทูลกระหม่อมเดิมชาวบ้านเรียกกันว่า  "ปูแป้ง" เป็นปูน้ำจืดที่มีสีสันสวยงามพบทั่วไปในป่าดูนลำพัน รอบ ๆ หนองดูน และได้มีการตรวจสอบทางวิชาการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536  โดยศาสตราจารย์ไพบูลย์  นัยเนตร ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ (National Museum of Natural History Leidem  The Netherlands)ประเทศเนเธอร์แลนด์  พบว่าเป็นปูน้ำจืดชนิดใหม่ของโลกอยู่ในกลุ่มปูป่ามีสีสันสวยงาม  กระดองสีม่วงเปลือกมังคุด ขอบเบ้าตา ขอบกระดอง ขาเดินทั้ง 4 คู่ และก้ามหนีบทั้ง 2 ข้าง มีสีเหลืองส้ม ปลายขาข้อสุดท้ายและปลายก้ามหนีบมีสีขาวงาช้าง

ประวัติของปูทูลกระหม่อม

               เนื่องจากปี พ.ศ. 2536 เป็นปีที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัครราชกุมารีจะทรงเจริญพระชนมายุครบ 36 พรรษา ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นผู้นำและมีพระปรีชาสามารถในงานด้านวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้กราบทูล ขอพระราชทานพระอนุญาต อัญเชิญพระนามของพระองค์มาเป็นนามของปูน้ำจืดชนิดนี้และได้รับพระราชทานอนุญาตให้เรียกชื่อปู ชนิดนี้ว่า "ปูทูลกระหม่อม" ซึ่งพบเพียงแห่งเดียวที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดูนลำพัน และได้กำหนดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ลำดับที่ 14    ของสัตว์ป่าจำพวกไม่มีกระดูกสันหลังในกฎกระทรวง ฉบับที่ 11(พ.ศ.2543) เพิ่มเติมจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองท้ายกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2537) เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2543 ในประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่มที่  117 ตอนที่ 3 วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2543
            จากการสำรวจนับจำนวนปูทูลกระหม่อมระหว่างวันที่ 15-21 พฤษภาคม พ.ศ.2546 เจ้าหน้าที่สำรวจสามารถเข้าถึงพื้นที่และตรวจ นับจำนวนรูปูทูลกระหม่อมได้  23,488 รู ในพื้นที่ 120 ไร่ ซึ่งรวมกับบริเวณที่เป็นป่าหญ้ารกทึกซึ่งผู้สำรวจไม่สามารถเข้าถึงในพื้นที่อีก 42 ไร่ ซึ่งมีจำนวนปูอาศัยอยู่น้อย จึงใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างพื้นที่ 1 ไร่ต่อจำนวนปู 10 ตัว สรุปว่าจำนวนปูทูลกระหม่อมที่สำรวจในปี พ.ศ.2546 ในพื้นที่รวมทั้งหมด  162 ไร่ คือ 23,908 ตัว

               นอกเหนือจากปูทูลกระหม่อมที่อาศัยอยู่ในผืนป่าแห่งนี้แล้ว ก็ยังมีสัตว์ป่าสงวนอีกหลายชนิดให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชมกัน








ขอบคุณ